กระถางต้นไม้เดโคพาจ

กระถางต้นไม้เดโคพาจ (decoupage)

ศิลปะการผนึกภาพลงบนวัสดุต่างๆ หรือที่เราเรียกว่า" เดโคพาจ" (decoupage) นั้น กำลังเป็นที่นิยมเนื่องจากสามารถดัดแปลงไปใช้กับวัสดุได้หลากหลายประเภทแล้วแต่ไอเดียของแต่ละคน อีกทั้งคนที่ไม่มีความสามารถทางศิลปะในการวาดรูป ก็สามารถทำออกมาได้อย่างสวยงาม เพียงอาศัยทักษะในการจัดวาง และคัดเลือกรูปภาพที่จะนำมาใช้ให้สวยงาม และเข้ากับวัสดุที่จะนำมาผนึกลงไปเท่านั้น นับว่าเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการประกอบอาชีพที่น่าสนใจทีเดียวค่ะ สำหรับในครั้งนี้ทีมงาน อาชีพ.คอม จะสาธิตการทำกระถางต้นไม้เดโคพาจ (decoupage) ที่ทุกคนสามารถทำได้ไม่ยากเลย และเมื่อคุณทำเสร็จแล้ว คุณก็จะได้กระถางต้นไม้ที่บ่งบอกถึงความเป็นตัวของคุณเพื่อที่จะใช้ประดับตกแต่งบ้านเรือน, เพื่อนำไปให้เป็นของขวัญแก่ใครต่อใคร หรือจะนำไปวางขายเป็นอาชีพเสริมก็ได้ เรามาดูวิธีทำกันเลยดีกว่าค่ะ

สิ่งที่ต้องเตรียม

กระถางต้นไม้

กระดาษห่อของขวัญหรือกระดาษสวยงามต่างๆ

สีอะครีลิค (ตามชอบ)

น้ำมัน sealer & varnish

ตัวลดความหนืด

รูปภาพตามต้องการ (รูปถ่าย, รูปจากนิตยสาร, หนังสือพิมพ์ หรือ กระดาษห่อของขวัญ)

กาว

กรรไกร, มีดตัด

พู่กันเบอร์เล็ก 1 อัน และเบอร์ใหญ่ 1 อัน

10.

ภาชนะสำหรับใส่สีละน้ำมันเคลือบต่างๆ เช่น จานกระดาษ, พลาสติก

11.

กระดาษที่รองด้วยพลาสติก (กระดาษห่อข้าวมันไก่)

12.

แก้วสำหรับใส่น้ำเพื่อแช่พู่กันในระหว่างการทำงาน

13.

ผ้าขนหนูผืนเล็กไว้คอยซับพู่กันก่อนลงสี หรือน้ำมันต่างๆ

วิธีทำ


		1. เลือกกระถางต้นไม้ที่มีผิวเรียบ หรือหากมีรอยขรุขระเล็กน้อยก็สามารถใช้กระดาษทรายขัดให้เรียบขึ้นได้ มิเช่นนั้นเมื่อเวลาที่เพนท์ สีจะไปติดอยู่ตามรอยขรุขระนั้นทำให้ดูไม่สวยงาม เริ่มขั้นตอนแรกเตรียมทา sealer & varnish เพื่อกันเชื้อราและเป็นการรองพื้นวัสดุ


		2. ทา sealer & varnish โดยทาตามยาวหนึ่งรอบ


		3. ปล่อยไว้ให้แห้งแล้วทาตามขวาง ทำซ้ำอีกอย่างละรอบ


		4. นำสีพื้นที่ต้องการในปริมาณที่จะสามารถเคลือบพื้นวัสดุได้ทั่วมาผสมตัวลดความหนืด แล้วค่อยๆทาไปในทิศทางเดียวกันให้ทั่วทั้งพื้นผิว และลงสีเดิมซ้ำอีกรอบ


		5. นำกระดาษห่อของขวัญที่มีรูปภาพต่าง ๆ ที่เราเลือกไว้ มาตัด


		6. ตัดให้เหลือเนื้อที่รอบรูปภาพพอสมควรดังรูปที่แสดง


		7. เคลือบรูปภาพหรือกระดาษที่ต้องการจะนำมาตกแต่งด้วยน้ำมัน sealer & varnish หน้าและหลัง เคลือบด้านละสองรอบ โดยป้ายพู่กันแนวตั้งหนึ่งรอบ รอให้แห้งแล้วจึงป้ายพู่กันแนวนอนอีกหนึ่งรอบ


		8. รอให้แห้งสนิทก่อนทำการตัด (การตัดรูปภาพให้ได้รูปทรงสวยงามนี้ ควรใช้มีดดังตัวอย่างจะช่วยให้การตัดกระดาษเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น)


		9. ตัดรูปภาพที่เลือกไว้ให้เสร็จทั้งหมด โดยทำตามขั้นตอนที่ 7 - 8 แล้วนำมาเตรียมไว้


		10. ทากาวลงบนรูปที่ตัดเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว ในปริมาณแต่เพียงน้อย (กาวลาเท็กซ์ผสมน้ำเปล่า หรือน้ำต้มสุกในกรณีที่จะเก็บกาวไว้ใช้หลายๆครั้ง เพื่อที่กาวจะได้ไม่บูด ในอัตราส่วน 1:1)


		11. นำรูปที่ทากาวแล้วไปติดลงบนวัสดุที่ต้องการจะตกแต่ง จัดวางได้ตามความพอใจ


		12. ติดรูปเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ให้สวยงาม จะสวยไม่สวยก็ขึ้นอยู่กับขั้นตอนนี้ค่ะ


		13. ใช้นิ้ว หรือปลายพู่กันค่อยๆกดรีดลงไปบนรูปไล่ฟองอากาศออกเพื่อความสวยงาม ปล่อยทิ้งไว้จนมั่นใจว่ารูปติดกับวัสดุแน่นและแห้งดีแล้ว มิฉะนั้นรูปจะไม่เรียบเมื่อทำการเคลือบด้วยน้ำมัน sealer & varnishในขั้นตอนสุดท้าย


		14. ลงเคลือบผิววัสดุเพื่อความมันเงาด้วย sealer & varnish ให้ทั่วและทำซ้ำอย่างน้อย 3 - 4 รอบ (ยิ่งเคลือบมาก ผิวก็จะมันเงามากขึ้น)


		15. เมื่อเสร็จเรียบร้อยดีแล้วก็จะได้งานเดโคพาจ (decoupage) ที่สวยงามตามสไตล์ของคุณพร้อมที่จะนำไปมอบให้เป็นของขวัญให้ใครๆได้ และฝึกฝีมืออีกสักหน่อยก็สามารถนำไปวางขายได้เป็นรายได้เสริมที่น่าสนใจไม่น้อยเลยค่ะ

ข้อแนะนำ

เบอร์ของพู่กันที่จะใช้ในแต่ละงานนั้น ควรดูให้เหมาะสมกับขนาดของวัสดุที่จะใช้ แต่ควรจะต้องมีทั้งเบอร์เล็ก (สำหรับตกแต่งและลงรายละเอียดในกรณีที่พื้นผิววัสดุไม่เรียบ) และเบอร์ใหญ่ (สำหรับการลงสีพื้นทั่วไป) และหลังจากใช้งานเสร็จในแต่ละครั้งต้องนำพู่กันแช่น้ำเพื่อไม่ให้พู่กันแข็งตัว และก่อนนำมาใช้งานก็ต้องซับพู่กันด้วยผ้าขนหนูก่อนทุกครั้ง
ในกรณีที่พื้นผิววัสดุนั้นกว้างมาก คุณสามารถนำฟองน้ำแทนการใช้พู่กันได้ โดยก่อนที่จะนำฟองน้ำไปชุบสีนั้น ควรต้องแช่ฟองน้ำไว้ในน้ำเปล่าก่อนสักครู่ และนำขึ้นมาบีบน้ำออก จากนั้นซับเบาๆด้วยผ้าขนหนู แล้วจึงค่อยนำไปชุบสีเพื่อการลงสีได้ และควรตัดฟองน้ำให้เป็นทรงกลม หรือมีเหลี่ยมน้อยที่สุด
หากต้องการพื้นวัสดุที่เป็นสีทอง, เงิน หรือทองแดงควรจะผสมสีอะครีลิคที่เป็นสีใกล้เคียงกันนี้เพื่อลงพื้นไปก่อนหนึ่งรอบก่อนที่จะลงสีเมทัลลิคทอง, เงิน และทองแดง ทับอีกรอบเพื่อจะได้ไม่เป็นการสิ้นเปลือง เพราะสีเมทัลลิคจะมีราคาสูงกว่าสีอะครีลิค
ในการลงสีแต่ละครั้งนั้น ต้องกลับพู่กันด้วยเพื่อให้ได้สีที่สม่ำเสมอในงาน และควรทาไปในทิศทางเดียวกันเพื่อความสวยงาม
ในทุกขั้นตอนต้องรอให้สีและน้ำมันเคลือบแห้งสนิทเสียก่อน โดยสามารถใช้เครื่องเป่าร้อนช่วยได้
หากต้องการให้ผิวของวัสดุที่ทำนั้นดูเป็นเงามันแบบด้าน ให้ใช้น้ำมัน satin varnish แทน sealer & varnish
หากไม่ต้องการสิ้นเปลืองสี และ น้ำมันเคลือบต่างๆ ขอแนะนำให้เทสี และน้ำมันเคลือบต่างๆลงบนกระดาษที่รองด้วยพลาสติก (กระดาษห่อข้าวมันไก่) เพราะเมื่อเราใช้งานเสร็จแล้วยังมีสีเหลือ ก็จะสามารถเทเก็บเข้าไปในขวดได้อย่างง่ายดายโดยไม่เหลือสีติดค้างอยู่ที่ภาชนะ

แหล่งซื้ออุปกรณ์
แผนกขายอุปกรณ์ศิลปะงานเพนท์ต่างๆตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป